Pay Per Click Advertising (PPC) หรือ Pay For Performance หรือ Pay For Placement หรือ Pay For Ranking คือรูปแบบการลงโฆษณาจ่ายเงินเพื่อที่จะเป็นการรับประกัน (Guarantee) ว่าอันดับของเว็บไซต์ของคุณจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่คุณต้องการในส่วน Sponsored ของ Search Engine นั้นๆ
สำหรับโมเดลนี้ตำแหน่งของเว็บไซต์ของคุณในแต่ละคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณที่คุณต้องการ จะต้องมีการไปประมูล (Bid) แข่งขันกับเว็บไซต์อื่นๆถ้าใครให้ราคาสูงกว่าก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า
สำหรับโมเดลโฆษณาแบบนี้บริษัทแรกที่คิดค้นขึ้นมาคือ Goto.com ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Overture (ในปัจจุบันคือบริษัทในเครือของ Yahoo! นั่นเอง) สำหรับผู้นำตลาดของ Pay Per Click Advertising ในปัจจุบันนี้มีอยู่ 2 บริษัทคือ Google และ Overture นั่นเอง
ข้อดีของ Pay Per Click คือใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที คุณก็สามารถทำการออนไลน์โฆษณาของคุณได้แล้วไม่ต้องรอนานมากเหมือน Natural Search Engine Optimization และคุณสามารถเลือก Keyword ได้เป็นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และข้อดีอีกอย่างคือคนที่คลิกโฆษณาของคุณนั้นคือผู้ที่สนใจในบริการหรือสินค้าของคุณจริงๆ ซึ่งมีโอกาสมากๆที่จะมาเป็นลูกค้าของคุณ เรียกว่า Conversion Rate (สัดส่วนระหว่างอัตราการซื้อต่ออัตราการคลิก) จะสูงมากกว่าที่ได้จาก Natural Search Engine Optimization แต่ข้อเสียคือคุณต้องจ่ายตังค์ทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ
Natural Search Engine Optimization หรือ Organic Search Engine Optimization หรือ SEO ซึ่งก็คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับอยู่ในลำดับต้นๆของผลการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณในส่วนของการแสดงผลลัพธ์ปกติของ Search Engine ซึ่งในส่วนผลลัพธ์ปกตินี้ Search Engine ต่างๆจะแสดงผลลัพธ์ออกมาตามอัลกอริธึม (Algorithm) หรือสูตรในการจัดเรียงของ Search Engine นั้นๆ ยกตัวอย่าง เช่น Yahoo! อาจแสดงผลลัพธ์ของการจัดเรียงด้วยคำหรือคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการค้นหาคำเดียวกันออกมาไม่เหมือนผลลัพธ์ใน Google หรือ MSN ก็ได้ คำว่า Optimization ก็คือการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆทั้งหลายที่อยู่ในเว็บเพจ เช่น ตัวหนังสือ (Text) Title และ Meta Tags และ Text Link และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งเรื่องปริมาณและคุณภาพที่เว็บเพจอื่นทำการลิงค์มาหาเว็บเพจหน้านั้นๆของเรา โดยคุณต้องพยายามปรับองค์ประกอบทั้งหลายในเว็บเพจ และเรื่องลิงค์จากภายนอกให้เข้ากับสูตรหรืออัลกอริธึม (Algorithm) ในการจัดเรียงของ Search Engine นั้นๆ
ข้อดีของ Natural Search Engine Optimization คือคุณไม่ต้องจ่ายเงินให้กับ Search Engine เมื่อเกิดการคลิกมาจาก Search Engine นั้นๆ เรียกว่าคุณจะได้ทราฟฟิกหรือผู้เข้าเยี่ยมชมฟรีๆตราบใดที่อันดับของเว็บไซต์คุณยังอยู่ในอันดับต้นๆ เพราะว่าผู้ใช้ Search Engine จะนิยมคลิกเฉพาะเว็บไซต์ที่ปรากฎอยู่ในหน้าแรก (อันดับ 1 ถึง 10) หรือหน้าที่สอง (อันดับ 11 ถึง 20) ของผลของการค้นหาเท่านั้น
ส่วนข้อเสีย คือคุณต้องใช้ทักษะที่ค่อนข้างสูงมากๆ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนอันยาวนานกว่าจะเรียนรู้เรื่อง Natural Search Engine Optimization หรือ SEO และในปัจจุบันนี้ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นใหม่คุณต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนกว่าเว็บไซต์ของคุณจะไต่อันดับให้ไปอยู่ในลำดับต้นๆของ Google ได้ และข้อเสียอีกอย่างคืออัลกอริธึม (Algorithm) ของ Search Engine เปลี่ยนแปลงบ่อยมากโดยเฉพาะ Google นั้นเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวัน เพราะฉะนั้นคุณต้องวิ่งไล่ตามเทคโนโลยีของมันให้ทันเสมอ
ขั้นตอนในการทำงานของ Natural Search Engine Optimization (SEO)
1. Website Review & Competition Analysis ทำการวิเคราะห์คู่แข่งและเว็บไซต์ของลูกค้า พร้อมส่งรายงานว่าเว็บไซต์ของลูกค้ามีจุดด้อยอย่างไรบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพื่อทำการปรับปรุงเว็บไซต์ของลูกค้าต่อไป และทำการวิเคราะห์ Log File ของเว็บไซต์ลูกค้าเพื่อวัดปริมาณจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมว่าก่อนทำ SEO จำนวนเท่าไหร่ เพื่อเก็บสถิติไว้นำมาเปรียบเทียบกับหลังจบโปรเจ็ก
2. Keyword Identification ทำการวิจัยและค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของลูกค้าและส่งรายงานของคำและสถิติที่มีผู้ค้นคำนั้นๆโดยใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่งคือ WordTracker, Overture Keyword Selector Tool และ Google AdWords Keyword Tool
3. Page Optimization ทำการ Optimization เว็บเพจจริงๆของลูกค้าที่มีอยู่โดยไม่ได้ใช้การสร้าง Doorway Page ที่เป็นการ Spam หรือโกง Search Engine ซึ่งการ Optimization นี้จะเกี่ยวข้องกับ Title Tag, Meta Tags, Body Text โครงสร้างของลิงค์ และองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมายเพื่อที่ให้เข้ากับ Algorithm ของ Google, Yahoo และ MSN
4. Link Building ปริมาณและคุณภาพของลิงค์จากเว็บไซต์อื่นเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการเพิ่มอันดับใน Google, Yahoo และ MSN ทำการส่งลิงค์ในลักษณะทางเดียวหรือ One Way Link ในจำนวนที่ไม่ต่ำกว่า 50 ลิงค์จากบรรดาเว็บไซต์พันธมิตร เว็บไซต์ของลูกค้าโดยทันที และก็จะทำการติดต่อแลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆไปเรื่อยๆ
5. Manual Submission การลงทะเบียนแบบ Manual กับ Google, Yahoo และ MSN และ Search Engine ที่สำคัญอื่นๆ
6. Analysis and Tweaking การติดตามและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง Algorithm ของ Google, Yahoo และ MSN ตลอดเวลา ถ้าเกิด Algorithm เปลี่ยนแปลง เราก็จะทำการเปลี่ยนแปลงสูตรในการ Optimization เว็บไซต์ของลูกค้าโดยทันที เพื่อที่จะทำให้เว็บไซต์ของลูกค้าติดอันดับ Top 20 โดยตลอด
7. SEO Campaign Tracking การติดตั้ง Web Analytics Software สำหรับ Tracking ลูกค้าที่มาจาก Natural Search Engine Optimization โดยเฉพาะว่ามาจาก Keyword คำใด Search Engine ตัวไหน เป็นต้น
8. Comprehensive Reporting รายงานอันดับของเว็บไซต์ลูกค้าใน Google, Yahoo และ MSN และจำนวนลิงค์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน โดยจะทำการส่งรายงานเดือนละ 1 ครั้งให้กับลูกค้า
|