| เนิ้อหานี้อยู่ในหมวด : บุคคลสำคัญที่ควรรู้จัก
โลลิต้า : Vladimir Nabokov | โลลิต้าเป็นหนังสือที่สร้างข้อวิจารณ์และถกเถียงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะเนื้อเรื่องนั้นต้องห้ามและผิดศีลธรรมโดยสิ้นเชิง แต่หนังสือเล่มนี้ก็เป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งที่อยากชวนให้คุณอ่าน
เนื้อเรื่องเป็นบทบันทึกจากในคุกของฮัมเบิร์ต ฆาตกรที่เล่าถึงความรักลุ่มหลงเมามายต่อโลลิต้า เด็กหญิงวัยสิบสองปี ความรักที่คลั่งไคล้มืดบอดนี้อาจเห็นภาพได้ดีที่สุดจากคำบรรยายของฮัมเบิร์ต ที่ว่า
My only grudge against nature was that I could not turn my Lolita inside out and apply voracious lips to her young matrix, her unknown heart, her nacreous liver, the sea-grapes of her lungs, her comely twin kidneys.
หากฮัมเบิร์ตทำได้ เขาคงไม่รีรอที่จะกลับเอาภายในโลลิต้าออกมา และจรดริมฝีปากอันตะกรามกับหัวใจ ตับ ปอด และไตคู่อันแสนเสน่ห์ของเธอ สิ่งที่ฮัมเบิร์ตเรียกว่าสวรรค์นั้นมีท้องฟ้าเป็นสีเพลิงโลกันตร์ และความรักด้วยตัณหาเช่นนี้ก็นำมาสู่การทำลายและโศกนาฏกรรมต่อหลายชีวิต ดังที่เกิดในเรื่องนี้
หากหนังสือเล่มนี้จะไม่มีความดีงามใดๆ ด้านศีลธรรม ดังที่ผู้แต่งได้เขียนใน "On a book entitled Lolita" ว่า Lolita has no moral in tow. แต่คุณค่าในเรื่องนี้มาจากความสามารถของผู้แต่ง ที่ให้กำเนิดนวนิยายที่งดงามในความน่าชังของเนื้อเรื่องได้ บทบรรยายของนาโบคอฟสร้างอารมณ์สมจริงและใช้ภาษาที่มีเอกลักษณ์ (เขาเขียนหนังสือเล่มนี้ในภาษาอังกฤษ) ถ้อยคำสั้นๆ ของเขาวาดภาพได้จริงจังให้ผู้อ่านเข้าใจได้ลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ขันเจ็บแสบ พร้อมทั้งเสียดสีล้อเลียนทั้งสังคมอเมริกัน และวรรณกรรมโด่งดังอื่นๆ จำนวนมาก ฮัมเบิร์ตนั้นน่าสังเวชและน่าหัวเราะเยาะ นาโบคอฟใส่บทบรรยายให้เราอดขันและสมเพชไม่ได้ แต่บางคราวก็ต้องใจหายและทุกข์ทรมานไปกับความรู้สึกรุนแรงของฮัมเบิร์ต ตอนที่เขาร่ำไห้ในช่วงท้ายเรื่องนั้น อาจทำให้ผู้อ่านตระหนกว่านี่เรากำลังสงสารความชั่วร้ายอยู่หรือ
ลองมาดูตัวอย่างของการเล่าเรื่องที่น่าทึ่งของนาโบคอฟ นาโบคอฟไม่เคยปกปิดความรู้สึกว่าเขาไม่ชอบฟรอยด์ อารมณ์ขันเสียดสีต่อฟรอยด์ในเรื่องนี้ตอนหนึ่งคือ "We must remember that a pistol is the freudian symbol of the Ur-father's central forelimb." บทบรรยายที่โดดเด่นมากอีกตอนคือภาพการเล่นเทนนิสของโลลิต้าที่บรรยายได้เปี่ยมอารมณ์ จนฮัมเบิร์ตรู้สึกราวจะขาดใจตายกับความงามนี้
"My Lolita had a way of raising her bent left knee at the ample and springy start of the service cycle when there would develop and hang in the sun for a second a vital web of balance between toed foot, pristine armpit, burnished arm and far back-flung rocket, as she smiled up with gleaming teeth at the small globe suspended so high in the zenith of the powerful and graceful cosmos she had created for the express purpose of falling upon it with a clean resounding crack of her golden whip"
นาโบคอฟประทับภาพโลลิต้าภาพนี้ได้สวยงามและมีชีวิตชีวามาก เราเห็นจังหวะที่ลูกเทนนิสลอยสูงขึ้นไป และหยุดค้างอย่างนั้น ภาพโลลิต้ากับรอยยิ้มของเธอก็หยุดค้างในใจผู้อ่านได้สวยงามอย่างนั้นเช่นกัน หรืออย่างการเล่นคำกับภาษาที่ไพเราะจับใจในประโยคต่อไปนี้ ในตอนที่ฮัมเบิร์ตสุขใจกับแผนการสามานย์ในใจ และขณะเดินขึ้นบันไดถือแก้วเครื่องดื่มไป ก็ปราโมทย์ไปกับแผนการนั้นของตน
"So Humbert the Cubus schemed and dreamed - and the red sun of desire and decision (the two things that create a live world) rose higher and higher, while upon a succession of balconies a succession of libertines, sparkling glass in hand, toasted the bliss of past and future nights."
ฮัมเบิร์ตยังเป็นตัวละครที่ปากร้ายไม่น้อย การบรรยายหยามเยียดสิ่งที่เขาไม่ชอบล้วนแต่ทำได้เจ็บแสบ และน่าขบขันอย่างยิ่ง เช่นภาพบ้านของโลลิต้าที่เขาได้เห็นเป็นครั้งแรก ฮัมเบิร์ตกล่าวสั้นๆ เพียงประโยคเดียวที่รวมความดูแคลนชิงชังทั้งมวลของเขาได้ชัดเจน เขาบอกว่าบ้านหลังนี้สีขาว แต่ดูแล้วเป็นสีเทามากกว่า และมองปราดเดียวก็รู้ว่าจะเป็นบ้านที่มีห้องน้ำเป็นประเภทใช้สายยางแทนฝักบัว
ตัวละครอีกคนที่ฮัมเบิร์ตทำลายย่อยยับคือชาร์ล็อต แม่ของโลลิต้า ชาร์ล็อตเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและน่าสงสารอย่างยิ่ง เธอคือความโง่เขลาและความดัดจริตทางวัฒนธรรม และเป็นที่รวมของการเยาะเย้ยดูถูกของฮัมเบิร์ต นับตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกจนครั้งสุดท้าย ชาร์ล็อตถูกกระทำเสมือนเป็นวัตถุสิ่งของมากกว่าเป็นคนที่มีชีวิต ชาร์ล็อตเปิดตัวครั้งแรกด้วยการเดินลงบันได ฮัมเบิร์ตค่อยๆ เห็นชาร์ล็อตเป็นส่วนๆ ที่พ้นบันไดมา และเริ่มบรรยายตัวเธอให้เรารู้จักเป็นอวัยวะทีละส่วน จากขาเรื่อยขึ้นไปจนถึงศีรษะ ฮัมเบิร์ตสับเธอเป็นชิ้นส่วนตั้งแต่แรกเลยทีเดียว และไม่น่าสงสัยในชะตากรรมของเธอในภายหลัง ว่าจะกลายเป็นชิ้นส่วนของก้อนเนื้ออันไร้ค่าดุจเดียวกันนี้
ชาร์ล็อตกลับมาอีกครั้งในตอนท้ายเรื่อง และกลายจากสภาพวัตถุเป็นเลือดเนื้อได้ในลมหายใจของโลลิต้า ฮัมเบิร์ตเห็นโลลิต้าในตอนที่เธอหมดจากสภาพสาวน้อยที่เขาคลั่งไคล้ โลลิต้าที่ดูหยาบกร้านและชวนให้เขารำลึกชาร์ล็อต แต่ฮัมเบิร์ตได้มาสู่ความเข้าใจและรู้จักหัวใจของเขาเป็นครั้งแรก ถึงแม้สิ่งนี้จะไม่ช่วยให้เขาน่าให้อภัยมากขึ้นก็ตาม
ผู้แต่งยังล้อเล่นกับอารมณ์คนอ่านตลอดเรื่อง และไม่อ้อยอิ่งอยู่กับความรู้สึกใดนานเกินไปนัก เราจึงต้องประหลาดใจอยู่เสมอกับอารมณ์ที่เปลี่ยนฉับพลัน และลูกเล่นที่เขาใช้ ลูกเล่นในบทหนึ่งกล่าวว่า "แล้วผมก็ชักปืนออกมา -- นี่คือการกระทำโง่ๆ ที่ผู้อ่านบางคนคิดว่าผมจะทำ แต่ว่าสิ่งนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดผมแม้แต่น้อย" ที่มากกว่าคำบรรยายนี้คือรอยยิ้มที่เรามองไม่เห็นของฮัมเบิร์ตที่สนุกกับการหลอกคนอ่าน และสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือสิ่งที่น่าประทับในหนังสือเล่มนี้ เป็นความขบขันและความงดงามในความน่าชิงชังของเรื่องนี้
โลลิต้าเป็นหนังสือที่ฉายภาพโศกนาฏกรรมและความไม่มีแก่นสารของมนุษย์ได้ดีที่สุดเล่มหนึ่ง นาโบคอฟเขียนหนังสือเล่มนี้ได้ดีเยี่ยม และอ่านสนุกมาก ผู้อ่านที่ไร้อคติต่อหนังสือเล่มนี้จะขบขันได้ดีกับความเสียดสีร้ายกาจที่ผู้เขียนถ่ายทอดอยู่ตลอดเรื่อง ฮัมเบิร์ตอาจจะเป็นตัวละครที่ชั่วร้าย แต่โลลิต้าเล่า ฮัมเบิร์ตไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของโลลิต้าเสียด้วยซ้ำ ผู้อ่านที่หวังจะพบความลามกอนาจารจะต้องผิดหวัง เพราะนาโบคอฟลึกซึ้งและมีชั้นเชิงมากกว่านั้นมาก หากเรื่องนี้จะหยาบคายในอารมณ์ ก็เพราะสิ่งที่ฮัมเบิร์ตกระทำนั้นชั่วร้าย แต่มิใช่หยาบคายที่บทบรรยาย นาโบคอฟรู้ดีว่าเนื้อหาในเรื่องสาหัสพออยู่แล้ว และคำพูดสั้นๆ ตรงไปตรงมาเพียงประโยคสองประโยคก็สะเทือนอารมณ์ผู้อ่านได้รุนแรงเพียงพอ
โลลิต้าได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหน แต่ไม่มีภาพยนตร์เรื่องโลลิต้าเรื่องใดที่ถ่ายทอดตัวโลลิต้าได้อย่างที่เธอเป็น สิ่งที่ฮัมเบิร์ตกระทำต่อโลลิต้าในหนังสือน่าชังและน่าตระหนกกว่ามาก เพราะโลลิต้าเป็นเด็กผู้หญิงที่สูงน้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตร และหนักประมาณสี่สิบกิโลกรัม โลลิต้าไม่ใช่สาวรุ่นกำดัด และไม่ใช่เด็กที่โตเร็วเกินวัย โลลิต้าเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของยุคสมัยและศีลธรรมในใจคน ภาพยนตร์อาจถ่ายทอดเนื้อเรื่องให้ทราบได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในหนังสือเล่มนี้ ทั้งอารมณ์ บทเยาะเย้ย ภาษาและการเล่าเรื่องของนาโบคอฟ จะสัมผัสได้ก็แต่จากการอ่านหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับฮัมเบิร์ตแล้ว โลลิต้าคือความรัก รักอย่างที่เขาไม่หวังว่าจะรักอะไรได้ยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือโลกหน้า แต่สำหรับคุณแล้ว โลลิต้าและฮัมเบิร์ตจะเป็นอย่างไรนั้น คุณจึงต้องไปรู้จักเขา จินตนาการเขา และตัดสินด้วยตัวคุณเอง เพราะฮัมเบิร์ตบอกเราว่าผู้อ่านต้องจินตนาการเขา มิฉะนั้นแล้วเขาจะไม่มีตัวตนอยู่จริง
Imagine me; I shall not exist if you do not imagine me.
เกี่ยวกับผู้เขียน Vladimir Nabokov (1899-1977) เขากล่าวไว้ว่า "เราหวังไม่ได้ว่าจะเข้าใจนักเขียนคนหนึ่ง ถ้าเราเรียกชื่อเขายังไม่ถูก" Nabokov เล่าถึงตัวเองว่าเขาเป็น "นักเขียนอเมริกันที่เกิดในรัสเซีย ร่ำเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสที่อังกฤษ ก่อนไปใช้ชีวิตในเยอรมันนาน 15 ปี"
นาโบคอฟเกิดในครอบครัวปัญญาชนฐานะดี ภาษาแรกในชีวิตคือภาษาอังกฤษ สอนโดยพี่เลี้ยงชาวอังกฤษ ครอบครัวเขาหลบหนีบอลเชวิกส์ในปี 1919 ไปเบอร์ลิน เขาแต่งงานกับเวร่า สโลนิมปี 1925 และย้ายมาพำนักที่อเมริกาตั้งแต่ปี 1939 โดยสอนที่เวล์สลีย์และคอร์เนล และเรียนเกี่ยวกับผีเสื้อที่ฮาร์วาร์ด เขาย้ายไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1959 และอยู่ที่นั่นตลอดสิบแปดปี จนกระทั่งเสียชีวิต
ผลงานนวนิยาย 14 เล่มที่เด่นๆ คือ The Gift (1936) Lolita (1955) และ Pale Fire (1962) นอกจากนั้นยังมีบทกวีนับร้อย และมีเรื่องสั้น บทละคร แปลหนังสือ งานวิจารณ์ บทความทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผีเสื้อ และงานเขียนอัตชีวประวัติที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ คือ Speak, Memory
โลลิต้า เป็นหนังสือที่อื้อฉาวนับตั้งแต่ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1955 ไม่มีสำนักพิมพ์อเมริกันใดยอมพิมพ์ หนังสือเล่มนี้จีงได้จัดพิมพ์โดยโอลิมเปียเพรส ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ปารีสที่มักพิมพ์เรื่องกามารมณ์ Graham Greene นักเขียนและนักวิจารณ์ให้สัมภาษณ์ในลอนดอน ไทมส์ว่าโลลิต้าคือหนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของปีนั้น ซึ่งสร้างความกราดเกรี้ยวอย่างยิ่งต่อ จอห์น กอร์ดอน บก.ของ ซันเดย์เอ็กซเพรส ที่กล่าวว่าหนังสือเล่มนี้ "โสมมที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา" อังกฤษสั่งริบหนังสือเล่มนี้และกดดันให้รัฐบาลฝรั่งเศสระงับหนังสือ ซึ่งต่อมาฝรั่งเศสได้แบนโลลิต้าเป็นเวลาสองปี โลลิต้าได้ตีพิมพ์ในอเมริกาในปี 1958 โดยไม่เกิดกระแสรุนแรงแต่อย่างใด โลลิต้าประสบความสำเร็จใหญ่หลวง และเป็นหนังสือเล่มเดียวถัดจาก Gone With the Wind (วิมานลอย) ที่ขายได้ 100,000 เล่มภายในสามอาทิตย์ โลลิต้าเป็นหนังสือที่ได้รับคำวิจารณ์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่เป็น pornography (สิ่งลามกอนาจาร) [Frederic Babcock, Chicago Tribune] จนถึง The only convincing love story in our century (เรื่องรักที่น่าเชื่อถือเพียงเรื่องเดียวในศตวรรษนี้) [Vanity Fair]
LOLITA : Vladimir Nabokov
ISBN: 0-679-72316-1 Vintage Books $12.00 336 pages
โลลิต้า เขียนโดย วลาดิเมียร์ นาโบคอฟ แปลโดย นายตำรา ณ เมืองใต้ ก้าวหน้า ๒๕๐๕
"I looked and looked at her, and know as clearly as I know I am to die; that I loved her more than anything I had ever seen or imagined on earth, or hoped for anywhere else."
- Lolita -- Vladimir Nabokov
|
|