อดีตเมืองหลวงเก่าของรัสเซีย ซึ่งคงสถานะเป็นเมืองหนึ่งในเขตโกลเด้นริง
Golden Ring เขตชานเมืองกรุงมอสโกที่วางตัวคล้ายกับรูปเกือกม้า
ซึ่งเปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์แห่งความโชคดีของรัสเซีย และได้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็น
เขตมรดกทางวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมของรัสเซียยุคโบราณ
เมืองวลาดิมีร์ เมืองหลวงเก่าที่ ก่อตั้งขึ้นในปี 990 โดยเจ้าชายวลาดิมีร์แห่งเมืองเคียฟ
Svyatoslavich และมาเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุดในปี 1108 โดยเจ้าชายวลาดิมีร์
โมโนแมกค์ กษัตริย์แห่งเคียฟ ผู้นำทางคริสต์ศาสนาเข้าสู่ระบบรัสเซียเป็นครั้งแรก
และกลางศตวรรษที่ 12 เมืองวลาดิมีร์กลายเป็นเมืองหลวงของอาณาเขตวลาดิมีร์-ซัซดัล
และภาคตะวันออกของเฉียงเหนือของรัสเซีย
- ถูกปล้นและเผาทำลายในปี 1208 โดยพวกมองโกลตาร์ตา ชื่อบาตู
เหลนเจงกิสข่าน
- ด้านนอกมีซุ้มประตูสีขาวหรือเรียกว่า Golden Gate ซึ่งแสดงเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ที่ปากทางถนนเส้นหลักของเมือง
ซึ่งในปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหารอีกแห่งหนึ่ง
- ระยะทางจากกรุงมอสโก ประมาณ 179 กิโลเมตร
- ประชากรของเมืองประมาณ 350,000 คน
ปัจจุบัน วลาดิมีร์เป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ด้านวิศวกรรมการทำโลหะ,
ไฟฟ้า, เครื่องมือวัดทางเคมีแสง, และอุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมการก่อสร้าง
เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยว
1. Cathedral of the Assumption (1158-1160) วิหารอัสสัมชัญ
สร้างโดยเจ้าชายอังเดร โบโกลยุบสกี้ (Andrei Bogolyubsky)
ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงมาก ด้านล่างเป็นแม่น้ำ Klyazma เป็นวิหารโดมเดียวตั้งอยู่บนเสา
6 ต้น ภายในประดีบประดาด้วยภาพวาดสี และงานปูนปั้น (1185-1189)
หลังจากที่ถูกไฟไหม้ ถูกสร้างขี้นใหม่โดยเจ้าชาย Vsevolod
III (the Big Nest)
2. St. Demetrius Cathedral (1194) วิหารเซ็นต์ดิมิทรีสร้างด้วยหินสีขาว
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหารอัสสัมชัญ เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก
เมืองโบราณวลาดิมีร์ มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะลวดลายที่แกะสลักหินขาวเป็นภาพนักบุญและสัตว์ในตำนาน
นานาชนิดมากมาย
3. Golden Gate (1158-1164, rebuilt in 1795-1810)
เป็นสถาปัตยกรรมทางทหาร ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นด้วยหินสีขาว
โดยเจ้าชายอังเดร โบโกลยูฟสกี้ (Andrei Bogolyubsky ) แห่งวลาดิมีร์
เป็นป้อมปราการเดียวที่เหลืออยู่ จากทั้งหมด 5 ป้อม ประตูและป้อมใหญ่
ป้องกันการรุกรานจากมองโกล ตาร์ตา ด้านข้างจะเห็นเนินดินซึ่งเป็นกำแพงที่พังทลายลงนั่นเอง
Golden Gate ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สำรองอีกแห่งหนึ่ง
และ เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก เมืองโบราณวลาดิมีร์
4. The Assumption (Princess) Convent สร้างขึ้นโดยเจ้าหญิง
Princess Maria Shvarnovna พระมเหสีของ Vsevolod (the Big
Nest) เจ้าชายของเมืองวลาดิมีร์ วิหารอัสสัมชัญ ปริ้นเซส คอนแวนต์
เป็นงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในยุค ศตวรรษที่ 15-16 ภายในมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก
(Frescoes) โดย ศิลปินชื่ออังเดร รูเบฟ (Andrei Rublev) ซี่งเป็นศิลปินพระ
ที่มีชื่อเสียงมากในศตวรรษที่ 15 วิหารเป็นที่ฝังพระศพของเจ้านายฝ่ายหญิง
มหาวิหารได้รับการบูรณะในปี 1926, 1961 และในตอนท้ายของศตวรรษที่
20 พระศพของเจ้าชาย Vsevolod (the Big Nest) ถูกฝังอยู่ใต้วิหารแห่งนี้ด้วย
วิหารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก เมืองโบราณวลาดิมีร์
5. Holy Trinity church โบสถ์ ทรินิตี้ ถือเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาในรูปแบบใหม่ของเมืองวลาดิมีร์
สร้างขี้นในปี 1913-1916 โดยการรวบรวมเงินจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย
โดยสถาปนิก S.M. Zharov สร้างด้วยอิฐสีแดง สไตล์ไบเซนไทน์
(pseudo-Byzantinesque style) ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สำรองอีกแห่งหนึ่ง
6. Building of the Historical museum ตึกพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
เมืองวลาดิมีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบใหม่ของรัสเซีย ในศตวรรษที่
20 ออกแบบโดยสถาปนิก P.G. Begen สร้างในปี 1906 ให้เป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด
เป็นอาคารสูง 2 ชั้น รูปทรงแบบเทเลมเก่าของรัสเซีย ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม
จัดนิทรรศการครั้งแรกเมื่อ 17 กรกฎาคม 1906
7. Nativity Monastery (1191) อารามประสูติแห่งพระมารดาของพระผู้เป็นเจ้า
เป็นอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งของรัสเซีย สร้างขึ้นในเวลาที่อาณาเขต
Vladimir และ Suzdal เจริญรุ่งเรืองสูงสุด
8. Water Tower หอน้ำ (1860 ) เป็นสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่
20 สร้างขึ้นเพื่อจัดการระบบน้ำให้แก่ชาวเมืองวลาดิมีร์ ก่อนที่จะสร้างคิดว่าจะสร้างไว้ตรงโบสถ์ทรินิตี้
แต่แล้วก็ไม่ได้สร้างตรงนั้น มาสร้างไว้ที่เนิน Kozlov Val
แทน สร้างแล้วเสร็จในปี 1912 โดย สถาปนิก S.M. Zharov ลักษณะเป็นอาคาร
3 ชั้น ก่อด้วยอิฐแดง และได้บูรณะอีกครั้งในปี 1970 |