เว็บนี้
เน้นให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประเทศรัสเซีย (ไม่มีการจัดทัวร์) หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
เพราะอยู่ประเทศไทย อีกทั้งไม่ได้เรียนจบจากรัสเซีย เคยไปเที่ยวเท่านั้น!!
:
นาทีสุดท้าย ครอบครัว กษัตริย์โรมานอฟและผู้ติดตาม
The Romanovs : An Imperial Family ภาพยนต์ที่ถือว่าใกล้เคียงความจริงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง การจัดหานักแสดง เครื่องแต่งกายต่างๆ ใกล้เคียงมากที่สุด (ตอนที่ท่านชมเป็นตอนจบครับ)
VIDEO
ตั้งแต่ต้นจนจบครับ
Romanovs Imperial (2000)
The Romanovs : An Imperial Family Part 1
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 2
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 3
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 4
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 5
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 6
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 7
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 8
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 9
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 10
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 11
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 12
VIDEO
The Romanovs : An Imperial Family Part 13
VIDEO
บ้าน Ipatiev
คืนวันที่ 16-17 กรกฎาคม 1918 พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมครอบครัวและผู้ติดตาม ถูกยิงและสันนิษฐานว่าเสียขีวิตทั้งหมดภายในห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ ภายหลังที่พระองค์ทรงสละราชสมบัติ (2 มีนาคม 1917) - เป็นจุดสิ้นสุด ของราชวงศ์โรมานอฟ เป็นราชวงศ์สุดท้ายรัสเซีย
บ้านอิปาเตียพ ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลาย ค.ศ. 1880 บ้านตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 49/9 มุมหนึ่งของ Voznesensky Prospekt เจ้าของ Redikortsev ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน เขาถูกกล่าวหาว่าทุจริตและล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาทางการเงิน บ้านจึงถูกซื้อโดยวิศวกรเหมืองแร่ ชื่อ นิโคไล อิปาเตียฟ ( Nikolai Ipatiev วิศวกรทหาร) ในปี 1908
27 หรือ 28 เมษายน 1918 ถูกเสนอชื่อให้เป็นบ้านที่กักขังครอบครัวพระเจ้าซาร์และผู้ติดตาม เป็นที่รู้กันว่า อิปาเตียฟ เป็นสมาชิกของสภาแห่งอูรัล และ ยาคอฟ ยูรอฟสกี้ (Yakov Yurovsky) ก็เป็นตัวแทนของพรรครพรรคคอมมิวนิสต์ที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งหลังการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ บ้านอิปาเตียพ เป็นบ้านสองชั้น ล้อมรอบด้วยรั้วที่สูง การสร้างเป็นสไตล์รัสเซีย ลวดลายประดับเป็นแบบท้องถิ่นแถบอูรัล
และในปี 1918 บ้านหลังนี้กลายเป็นฉากสุดท้ายสำหรับครอบครัวของอดีตกษัตริย์รัสเซีย ภายหลังจากเหตุการสังหารหมู่ บ้านอิปาเตียพ กลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิม
ในปี 1927-1932 บ้านเป็นพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ - เป็นสำนักงาน ในปี 1975 คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ ตัดสินใจที่จะรื้อถอนบ้าน ซึ่งมีนายบอริส เยลต์ซิน เป็นเลขาธิการคนแรกของภูมิภาค Sverdlovsk และได้ทำการรื้อในเดือนกันยายน 1977
ในปี 2003 ได้สร้างโบสถ์บนหยดเลือด (Church on the Blood) บนจุดที่ตั้งเดิมของบ้านอิปาเตียพ และเปิดให้ทุกคนได้เข้าสักการะ
บ้านอิปาเตียฟ (บ้านเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ), Ipatiev House, Дом Ипатьева : โดม- อีปัตเซวะ
ก่อนการรื้อถอน
ผนังห้องพักในบ้าน Ipatiev ที่พระราชวงศ์ถูกประหารชีวิตในปี 1918
บ้านภายหลังการรื้อถอน ปี 1989 มีผู้แสวงบุญนำดอกไม้มาสักการะ บริเวณบ้าน
ภาพประกอบโดย zhudozhnika S.Sarmata ในหนังสือ " ประวัติศาสตร์ของโซเวียตรัสเซีย " ปารีส 1922
เอกสารสั่งรื้อบ้าน, ภาพกำลังรื้อบ้าน เหตุผลเพราะนักท่องเที่ยวและผู้ที่รักและเคารพราชวงศ์ มาทำการสักการะมิได้ขาด ทำให้ KGB คิดว่า วัตถุสิ่งนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหภาพโซเวียต
ราชวงศ์ทำงานเลื่อยไม้ ฝ่าฟืน ฉลองพระองค์ด้วยชุดธรรมดาเหมือนสามัญชนทั่วไป หัวหน้าผู้คุมบ้านอิปาเตียฟ (บ้านเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ) ชื่ออะเล็กซานเดอร์ อาฟเดเยฟ เป็นคนหยาบคาย ขี้เมา ชอบเล่าเรื่องเล่าเรื่องลามกต่อหน้าพระพักตร์ และในวันที่ 4 กรกฏาคม 1918 ผู้คุมบ้านอิปาเตียฟ ถูกแทนที่ด้วยหน่วยตำรวจลับ หัวหน้าชื่อจาโคฟ จูโีรฟสกี้ (Jakow Jurowski, 1918) หลังเที่ยงคืนวันที่ 17 กรกฏาคม ทีมสังหาร 11 คน เดินเข้ามา การสังหารจึงเริ่มขึ้นและจบลงในเวลาไม่นาน ก่อนบรรทุกด้วยเกวียนและนำไปทำลายด้วยกรดเพื่อไม่ให้มีใครพบศพ ในป่านอกเมือง
โบสถ์บนหยดเลือด (Church on the Blood : Храм на Крови : ครัม.. นะ โกร-วิ) สร้างแทนที่บ้านอิปาเตียฟ สร้างวันที่ 23 กันยายน 2000 เปิด 16 กรกฎาคม 2003 ทีเมืองเยกาเต็นเบิร์ก (Yekaterinburg) ลงไปทางใต้ จากกรุงมอสโก ประมาณ 1,822 กิโลเมตร
อนุสาวรีย์ครอบครัวกษัตริย์โรมานอฟ ด้านหน้าโบสถ์
ในปี 1991 มีการขุดค้นโครงกระดูกครอบครัวกษัตริย์โนมานอฟและผู้ติดตาม ที่เมืองเอกาเต็นเบิร์ก พบพระศพของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมทั้งพระมเหสี พระธิดา 3 องค์ คนรับใช้ 4 คน แต่มี 2 ศพหายไป คือ เจ้าชายอเล็กเซ ส่วนอีกศพหนึ่งน่าจะเป็นเจ้าหญิงมาเรีย
แต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2007 นักโบราณคดีใช้เครื่องตรวจเหล็กเพื่อหาหลุมศพของเจ้าชายอเล็กเซและเจ้าหญิงมาเรีย จนพบว่ามีพื้นที่แห่งหนึ่งน่าจะมีส่วนที่เป็นเหล็กซึ่งอาจเป็นกระสุนอยู่ใต้นั้น เมื่อขุดลงไปจึงพบว่า หลุมนั้นมีศพด้วยกันอยู่ 2 ศพ นับกระดูกได้ 44 ชิ้น พบฟันหลายซี่ เศษผ้าและกระสุนปืนฝังอยู่ใต้พื้นดิน ใกล้กับเมืองเยคาเต็นเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่พวกบอลเชวิกจับตัวพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมทั้งพระมเหสี พระโอรส พระธิดา ไปขังไว้ จนถูกประหารเมื่อ ปี 1918
เป็นอันว่า พบโครงกระดูกทั้งหมด
พิธีฝังพระศพของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว ณ ป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก จัดพิธีอย่างสมพระเกียรติในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1998 ในสมัยของประธานาธิบดี บอริส เยลต์ซิน
VIDEO
สมาชิกราชวงศ์โรมานอฟทั้งสิ้น 19 พระองค์ รวมทั้งแกรนด์ดัชเชสเอลิซาเบท (เสด็จป้าเอลล่า ) ถูกสังหารโดยพวกบอลเชวิค ในปี 1918 มีเพียงไม่กี่พระองค์ที่รอดมาได้ หนึ่งในนั้น คือ สมเด็จย่า (สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงมารี พีโอโดรอฟน่า) ซึ่งเสด็จจากรัสเซียไปอังกฤษด้วยเรือ ในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1919 และไม่เคยเสด็จกลับมาอีกเลย จนเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1928
๏ปฟ
Start : August 31, 2010
................. เว็บบอร์ดนี้เป็น
บอร์ดนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้เน้นการโพสต์ตอบแต่อย่างใด เรามีการเก็บข้อมูลผู้ใช้
เพื่อวิเคราะห์เส้นทางการเข้าถึงบอร์ดนี้