หมอ 5 บาท

หมอ 5 บาท

 
หมอ 5 บาท
 
 
หมอ 5 บาท
 

หมอ 5 บาท

รศ.นพ. สภา ลิมพาณิชย์การ
คนดีศรีแผ่นดิน
ที่ได้รับพระราชทานรางวัล
" น้ำใจงาม "
ด้านการสงเคราะห์และ
พัฒนาคุณภาพชีวิต
ประจำปี พ.ศ. 2547
จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์
พระบรมราชินีนาถ

อันดับที่ ๑

สถานที่ติดต่อ
เวชนิทัศน์สมาคมฯ แห่งประเทศไทย
โทร. 0-2419-8314
โทร. 0-2419-8312
แฟกซ์. 0-2411-3003
หมอ 5 บาท

 

............... พุทธภาษิตกล่าวไว้ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ แต่ใครเล่า จะหนีพ้น สังสารวัฏ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ และเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา คนส่วนใหญ่ถ้าไม่เลือกซื้อยาเอง ก็คงต้องพึ่งหมอ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ควักออกมามีอยู่ 5 บาท ทำอย่างไรดี
...............หากเดินเรื่อยๆ เข้าซอยระนอง 1 จากด้านถนนพระราม 5 กับห้องแถวไม้แบบเก่าหน้าตา คล้ายคลึงกัน เรียงรายไปตามความยาวของถนน เดินมายังไม่ทันถึงครึ่งซอยดี จะสังเกตเห็นห้องแถวไม้ที่ขึ้นป้ายว่า "สำนักงานแพทย์" ของ รศ.นพ.สภา ลิมพาณิชย์การ อาจารย์ประจำโรงเรียนเวชนิทัศน์ โรงพยาบาลศิริราช ผู้ซึ่งได้ฉายาว่า "หมอ 5 บาท
...............คุณหมอสภาเริ่มตั้งคลินิกสำนักงาน แพทย์จากคำชักชวนของเพื่อนเมื่อ 39 ปี ก่อน (พ.ศ.2507) แต่เมื่อทำไป ได้สักพัก เพื่อนของคุณหมอก็ขอถอนตัว คุณหมอจึงทำคลินิกนี้ต่อเพียงผู้เดียว โดยเช่าห้องแถว แห่งนี้ จากเพื่อนเป็นรายเดือน ตลอดเวลาเกือบ 40 ปีนี้ คลินิกของคุณหมอสภารับรักษาโรค ทั่วไปโดยจะ คิดค่ารักษา เพียงค่ายา 5-70 บาท ไม่คิดค่าตรวจ แต่หากไม่มีเงินจริงๆ แม้แต่ค่ายาคุณหมอก็ไม่คิด หรือหาก มีไม่พอ ก็มีเท่าไร ก็เท่านั้น เพราะหมอสภาไม่ต้องการให้ผู้ป่วยไปซื้อยารับประทานเอง
"ที่ผมเก็บค่ายาถูกเพราะ ไม่อยากให้เขาไปซื้อยากินเอง" หมอสภากล่าว
...............เหตุที่คุณหมอสามารถจ่ายยาให้ได้ในราคาท ี่แม้แต่โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรคยังตะลึง เพราะยาร้อยละ 90 จะสั่งซื้อยาจากโรงงาน ที่ได้ลิขสิทธิ์มาผลิตยาในไทย เวลาสั่งซื้อทีก็จะสั่งเยอะมากๆ จะช่วยให้ประหยัดเงินได้มาก และเวลาจ่ายยาให้คนไข้ คุณหมอจะถามก่อนว่ามียาอะไรอยู่ที่บ้านแล้วบ้าง จะได้ไม่สั่งซ้ำ
...............คุณหมอสภาจะสั่งตามอาการ เช่น ถ้าไม่สบายไอ มีน้ำมูก คัดจมูก ก็จะสั่งยาตัวเดียวที่รักษาอาการเหล่านี้ให้ ก็จะช่วยให้ประหยัด หรือไม่ยาบางอย่างก็กินเฉพาะตอนมีอาการ เช่น ยาแก้ปวดหัว หากไม่ปวดไม่ต้องกิน เก็บไว้ หากคราวหน้ามาหาหมอถ้ายายังเหลืออยู่ก็ไม่ต้องเอาไปอีก
..............."เวลาคิดเงินก็จะดูจากยา ว่ายาถูกหรือยาแพง แต่ถ้าคนไข้ไม่มีจริงๆ ก็ไม่คิด แต่คนไข้ที่มาหาเดี๋ยวนี้เขาก็สงสารเรา ไม่อยากให้รักษาฟรี หรือบางทีเขามีไม่พอก็บอกว่าไม่ต้องก็ได้ แต่พอเขามีเขาก็มาจ่ายทีหลัง คนไข้เป็นคนซื่อตรงมาก" คุณหมอเล่า และกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "ถ้า รักษากับผมไม่ต้องเอามาเกินใบละร้อย แต่บางทีก็มีแหย่คนไข้บ้าง อย่างบางคนเขามีมา 20 บาท ก็แกล้งหลอกเล่นๆ ว่าค่ารักษา 30 บาท เขาก็หน้าซีด แต่จริงๆ ก็คิดไม่ถึงหรอก"
...............เพราะคุณหมอสภาคิดแต่ค่ายา ในราคาแสนประหยัด ในเรื่องรายได้นั้นคุณหมอว่า ได้เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็จะจดเอาไว้ด้วยเผื่อสรรพากรตรวจ ค่ารักษาได้มาก็จะเก็บใส่กล่องไว้เป็นทุนซื้อยา แต่เวลาซื้อจริงๆ ไม่พอต้องถอนเงินตัวเองที่มีจากเงินเกษียณแล้ว ก็เงินจากการเป็นอาจารย์พิเศษ ที่โรงเรียนเวชนิทัศน์ออกมาซื้อ
...............เรื่องคิดค่ารักษาถูกนี้ คุณหมอว่าไม่ใช่เป็นเพราะอุดมการณ์ใดๆ แต่มาจากการที่ขณะที่คุณหมอยังเด็ก คุณหมอไม่สบายอยู่บ่อยๆ ตอน 3-4 ขวบเป็นโรคคอตีบ โตขึ้นมาหน่อยเป็นไทฟอยด์ ต่อมาก็เป็นปอดบวม คุณแม่จึงพาคุณหมอไปร ักษาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ
...............เวลาไปโรงพยาบาลเห็นคุณแม่เสียเงินเยอะ ก็คิดว่าเราป่วย ซึ่งก็แย่อยู่แล้ว เรายังต้องเสียเงินเยอะอีก ดังนั้นอะไรที่คิดถูกได้ก็คิดถูก คุณหมอสภา เล่า

...............ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 5 โมงเย็น คุณหมอสภาจะขับรถจากศิริราช มาถึงสำนักงานแพทย์เมื่อใดก็เปิดคลินิกเมื่อนั้น และในวันอาทิตย์ (ปิดวันเสาร์) คุณหมอก็จะมาเปิดคลินิกเวลา 6 โมง และจะปิดในช่วง 2 ทุ่ม แต่เดิมคุณหมอจะปิดคลินิกประมาณ 2 ทุ่ม แต่พักหลังๆ คุณหมอว่าไม่ไหว เพราะเหนื่อยมากๆ รถติดด้วย จึงเลื่อน แต่หากมีคนไข้มาปรึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหลังปิดคลินิก หรือบางคนก็เอายามาให้ดู ก็จะปิดหลังจากนั้น
...............ตั้งแต่เปิดคลินิก คนไข้ของคุณหมอสภาส่วน ใหญ่จะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกซอยระนอง 1 นี่เอง ซึ่งบางคนรักษามาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า จนถึงรุ่นหลานก็มี และในช่วงหลังมานี้ คุณหมอเล่าว่าก็มีมาบ้างจากต่างจังหวัด

...............คนไข้หน้าใหม่มาที่นี่ก็มีบ้าง ถ้าเป็นคนใหม่แล้วก็จะรู้เลย เพราะจะเข้ามาถามหาบัตรคนไข้ คุณหมอสภาเล่า
...............ด้วยความที่สำนักงานแพทย์ของค ุณหมอไม่มีการจัดคิวหรือทำบัตรคนไข้ ตัวคลินิกกั้นห้องตรวจเพียงผนังไม้ ไม่มีประตู คนไข้ที่มาพบคุณหมอ สามารถชะโงกหน้าไปดูได้ว่ามีคนไข้มารักษาอยู่หรือไม่ และหากมีคนไข้คนอื่นๆ มารอ ก็จะจัดคิวกันเอง ไม่มีใครแซงใคร นอกจากจะมีการเต็มใจให้แซงด้วยกำลังคุยติดพันกับคนไข้คนอื่นอยู่
...............เรื่องรักษา คุณหมอว่า ก็รักษาโรคทั่วๆ ไป อย่างเช่น ไข้หวัด โรคผิวหนัง ถ้าเป็นหนักมากๆ ก็จะให้ไปโรงพยาบาล หรือบางทีถ้าใกล้จะปิดร้านแล้วผมก็ จะเอาใส่รถไปส่งให้ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ หรือไม่ก็แนะนำโรงพยาบาลให้

...............เพราะความเป็นกันเองและ ความใจดีที่มีให้กับคนไข้ คุณหมอสภาจึงมีแฟนคนไข้ที่รักษากับคุณหมอมานานไม่เปลี่ยนใจ คุณป้ามารศรี อายุ 72 ปี เจ้าของร้านทำผมแถวๆ ซอยระนอง 1 คนไข้ที่รักษากับคุณหมอมากว่า 40 ปี ป้า รักษาตั้งแต่สมัยเพื่อนคุณหมอมาเปิดคลินิก จนถึงคุณหมอสภามาเช่า คลินิกของเพื่อนต่อ ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยโรคหวัด แต่วันนี้ไม่ได้มาด้วยโรคหวัด แต่ระคายเคืองตา คุณหมอบอกว่าเป็นตาแดง ก็นอกจากคุณป้าแล้ว ลูกสาวและหลานสาว หรือแม้แต่ทหารที่ทำงานอยู่ในบ้านก็มารักษา
...............คุณหมอสภารักษาดี คิดถูก แล้วก็หายด้วยนะ บางทีเป็นหวัด 20-30 บาทก็หายแล้ว ลูกชายป้าเป็นหวัดไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล เอกชนยังตั้ง 1400 ป้ามานี่แค่ 40 บาท บางคนบ้านอยู่ไกลยังมารักษาเพราะรักษากันชิน เวิ้งนี้ของหมอสภาทั้งนั้น คุณป้ามารศรีเล่าพร้อมอวดยารักษาในถุงให้ดู
...............คุณเรณู อายุ 46 ปี รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนไข้อีกรายที่รักษากันมานานกว่า 10 ปี ส่วนใหญ่ไม่สบาย ก็จะมาหาคุณหมอ รักษากันมากว่า 10 ปีแล้ว เริ่มแรกที่มาหาเพราะบ้านอยู่แถวนี้ สะดวกดี และตอนนั้น แถวนี้ก็ไม่มีคลินิกไหนนอกจากของคุณหมอ และค่ายาที่นี่ไม่แพงเท่าที่อื่น ยาก็มีคุณภาพดี เคยรักษาถูกที่สุดก็ 10 บาท แพงที่สุดไม่เคยเกิน 50 บาท ได้ยาเยอะ
...............เปิดคลินิก มาก็จะ 40 ปี ตัวคุณหมอเองอายุก็ร่วม 70 ปีเข้าไปแล้ว คุณหมอจึงว่า ก็จะทำจนกว่าจะทำงานไม่ไหว ก็บอกคนไข้ไว้ถ้าร้านปิดแบบไม่มีสาเหตุละก็ แสดงว่าผมทำไม่ไหวแล้ว
...............และเวลาที่คุณหมอสภา ว่ายังไม่ไหวนั้นยังมาไม่ถึง ทุกวันนี้ เก้าอี้พลาสติกหน้าห้องตรวจของสำนักงานแพทย์ จึงยังมีโอกาสต้อนรับ ผู้มาเฝ้ารอให้คุณหมอรักษา
 
หมอ 5 บาท ....

มหัศจรรย์คลินิก 5 บาท ชีวิตหมอที่ไม่แสวงหากำไร

" โครงการดีๆ เช่นนี้อยากให้มีออกมาเยอะๆ เมื่อมีแล้วต้องพัฒนาคุณภาพเพื่อรองรับคนป่วยเข้ามารักษา ทั้งเรื่องแพทย์ บุคลากร เครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนยารักษาโรคให้เพียงพอแก่ความต้องการด้วย "

:: หมอสภา ลิมพาณิชย์การขณะกำลังตรวจคนไข้ ::

มหัศจรรย์คลินิก 5 บาท ชีวิตหมอที่ไม่แสวงหากำไร
โดย ผู้จัดการออนไลน์

......... "งวดนี้ความดันสูงมากนะ ให้ดูแลสุขภาพตัวเองมากกว่านี้ อย่ากินเค็ม อย่าปล่อยให้อ้วนไปกว่านี้ หากลดความอ้วนลงซัก 2 กิโลกรัม 3 กิโลกรัมได้ยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ไม่เป็นไรวันนี้เอายาไปกินก่อน กินหลังอาหารเช้ากับเย็น แล้วอีก 3 วันค่อยมาหาหมอตรวจความดันอีกครั้ง" น.พ.สภา ลิมพาณิชย์การ บอกกับคนไข้พร้อมกำชับด้วยว่า "วันที่จะมาหาหมอให้กินยาก่อนมาถึงคลินิกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง"
.........คนไข้รายนี้เดินออกไป คนไข้ที่นั่งรอ***ู่เดินเข้ามาแทนที่และเล่าให้หมอฟังทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ว่า มีอาการปวดหลัง เอี้ยวตัวแล้วรู้สึกเสียวแปล๊บ
.........หมอสภาให้คนไข้ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลัง จากนั้นใช้ 2 มือกดไปบนแผ่นหลังแล้วถามว่าปวด ตึงบริเวณต้นคอไหม
คนไข้ตอบ "ครับ"
คุณหมอยิ้มให้คนไข้พร้อมกับบอกว่า กล้ามเนื้ออักเสบ กินยาที่หมอจัดให้ 2 วันก็หาย คนไข้ยื่นมือมารับยาจากคุณหมอพร้อมกับถามว่า เท่าไหร่ครับ
"20 บาท" น.พ.สภา ตอบ
.........นี่คือบรรยากาศภายในคลินิกแพทย์สภา ซึ่งเป็นห้องแถวขนาดเล็ก มีสภาพทรุดโทรม ตั้งอยู่ในซอยระนอง 1 ย่านราชวัตร ที่คนป่วยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเดินเข้ามาให้ตรวจอาการ ซึ่งส่วนใหญ่คนไข้ที่มารักษาเป็นโรคพื้นฐานอย่างไข้หวัด ปวดหัว ตัวร้อน ฯลฯ คลินิกแห่งนี้ ได้ทำหน้าที่ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้คนยากจน คนหาเช้ากินค่ำมากว่า 30 ปีแล้ว
.........น.พ.สภาเล่าให้ฟังว่า คลินิกแห่งนี้รักษาเฉพาะโรคพื้นฐาน เป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน โดยคิดค่ารักษาตั้งแต่ 5 บาทไปจนถึงสูงสุด 70 บาท และที่นี่ไม่รับทำแผล ฉีดยา เนื่องเพราะติดปัญหากฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข คลินิกมีพื้นที่คับแคบและคิดว่าคลินิกที่อยู่ใกล้เคียงรับรักษาอยู่แล้ว นอกจากนี้ ทางคลินิกก็ไม่เปิดเหมือนคลินิกทั่วไป คือเปิดเพียงวันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างเวลา 18.00-20.00 น.
........."ถ้าตรวจพบว่าคนไข้มีอาการหนัก หมอจะแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งเครื่องมือทันสมัยสามารถตรวจได้อย่างละเอียด แต่คนไข้มักจะบอกว่าไม่อยากไปโรงพยาบาล เนื่องเพราะเสียเวลาเต็มวัน หมอต้องเตือนสติคนไข้ว่าเสียเวลาวันเดียวดีกว่าต้องนอนแซ่วอยู่บนที่นอนหลายหลายวัน แต่ก่อนไล่ไปโรงพยาบาลมักจะถามว่า มีบัตร 30 บาท บัตรประกันสังคมไหม เพื่อให้ไปใช้สิทธิที่พวกเขามีอยู่"
.........น.พ.สภา เล่าต่อว่า คนไข้บางรายปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปโรงพยาบาล พอกลับมาแล้วจะเอายามาให้หมอดู บางรายมาถามว่า ยาเม็ดนั้นเม็ดนี้กินแก้อะไร เนื่องจากคนไข้ไม่กล้าถามผู้จ่ายยาที่โรงพยาบาล หรือมีคนไข้บางรายตั้งข้อสังเกตว่า กินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น พร้อมตั้งคำถามว่าทางโรงพยาบาลให้ยาด้อยคุณภาพหรือเปล่า หรือบางรายมาเล่าให้ฟังว่าไปโรงพยาบาลเอกชนเสียค่ารักษาสูงได้ยามากิน 10 กว่าเม็ด
........."คำถามบางข้อหมอตอบคนไข้ไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันมียารักษาโรคเยอะมาก แต่ที่น่าสังเกตโรงพยาบาลเอกชนมักจะจ่ายยานำเข้าจากต่างประเทศเม็ดหนึ่ง 30 บาท 40 บาท ทั้งๆ ที่บริษัทผลิตยาในบ้านเราก็ผลิตจำหน่าย คุณภาพเหมือนกัน ราคาต่ำกว่าเยอะมาก อย่างคลินิกของหมอยาทุกเม็ดผลิตในประเทศ และยาในคลินิกหมอทดลองด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์สรรพคุณจนมั่นใจจึงสั่งซื้อเพื่อไว้จ่ายให้คนไข้"
........."ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านมาปรับทุกข์ว่าไปคลินิกหรือโรงพยาบาลอื่นคิดแพงมาก คิดค่าบริการทางการแพทย์เฉลี่ย 150-250 บาท อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่อครั้ง รวมๆ แล้วไปรักษาครั้งหนึ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 500 บาท ส่วนคลินิกของหมอไม่ได้คิดสิ่งเหล่านี้ คิดแค่ค่ายานิดหน่อย คนไข้บางคนมาหาบอกว่าไม่มีเงิน หมอก็ไม่คิด"
.........เมื่อถามว่าคิดค่ารักษาถูกแถมบางรายรักษาฟรี คุณหมออยู่ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท น.พ.สภา บอกว่า รายได้ส่วนหนึ่งมาจากเงินเกษียณอายุราชการ กับเงินค่าสอนพิเศษนักเรียนแพทย์"ตั้งใจไว้ว่าถ้ายังมีแรงอยู่ก็จะช่วยเหลือคนเจ็บป่วยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หากไม่ไหวจริงก็คงต้องหยุด เพราะหมออายุ 72 ปีแล้วเรี่ยวแรงเริ่มถดถอย หมอเคยบอกกับคนไข้ไว้ว่า ถ้าเห็นคลินิกปิดหลายวันโดยที่ไม่ได้เขียนป้ายว่าหยุดกี่วัน นั่นแหละหมายความว่าหมอคงลากสังขารมาไม่ไหว"
.........จากนั้น หมอสภา เล่าให้ฟังว่า มีคนไข้มารักษา พอบอกราคาค่ารักษา เคยได้ยินคนไข้คุยกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่าม่มั่นใจในคุณภาพเนื่องเพราะคิดราคาถูกไม่กี่สิบบาท เพื่อนที่มาด้วยกันชี้แจงว่าครอบครัวของเขารักษาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ตัวเขาเองก็มารักษาที่นี่
.........น.พ.สภา เล่าความรู้สึกภายในใจให้ฟังว่า บัตรประกันสังคมช่วยเหลือยามที่เจ็บไข้ได้ป่วยเยอะมาก เพียงแต่ผู้ใช้บัตรนี้บางครั้งต้องเสียเวลารอคิวนาน โดยเฉพาะมาบริการโรงพยาบาลในสังกัดของรัฐเนื่องเพราะวันหนึ่งๆ มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก ครั้นไปเลือกสถานพยาบาลเอกชนแทนก็เจอปัญหาคุณภาพยา
........."เคยมีคนไข้นำยามาให้หมอดูว่านี่คือยาที่จ่ายเงินสด ส่วนยาถุงนี้เป็นยาที่ใช้บัตรประกันสังคม ทั้งๆ ที่เป็นยารักษาโรคเดียวกัน หมอมองถุงยาทั้ง 2 ถุง รู้สึกพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน"
.........สำหรับโครงการบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค นับว่าเป็นโครงการที่ดีซึ่งช่วยเหลือคนยากไร้ทั่วประเทศเข้าถึงระบบการรักษา ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของหลายคนดีขึ้น อย่างบางรายเจ็บป่วยจำเป็นต้องผ่าตัด หากไม่มีโครงการนี้คนป่วยก็คงอยู่อย่างทนทุกข์เวทนาหรือไม่ก็เป็นภาระต่อบุคคลในครอบครัว

 
ในตอนเย็นเวลาประมาณ 18.30-20.00 น. ของทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สภา ลิมพาณิชย์การ จะขับรถจากโรงพยาบาลศิริราชไปยัง “คลินิกแพทย์สภา” เพื่อให้การรักษาพยาบาลชาวบ้านในซอยระนอง 1 ย่านราชวัตร เป็นเวลาต่อเนื่องกันมากว่า 44 ปีแล้ว

และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คลินิกห้องแถวเรือนไม้เล็กๆ แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ก็เนื่องมาจากคุณหมอสภาจะไม่คิดค่ารักษา คิดเพียงค่ายาในราคาถูกแสนถูกก็คือ 5-70 บาท จนเป็นที่มาของฉายา “หมอ 5 บาท”

“ผมไม่ได้เลือกจะสร้างเงินจากอาชีพนี้ ไม่ได้คิดเลย พอเปิดร้านแล้วก็ทำอย่างนี้มาเรื่อย อาจจะนึกอยู่ตอนเปิดว่า
1. เราจะใช้ความรู้รักษาคนไข้
2. เราเองก็เจ็บมาเยอะ เล็กๆ ผมเป็นโรคคอตีบ ถ้ามาหาหมอช้าไปสักชั่วโมงก็ตายแล้ว พอหายอีกปีสองปีก็เป็นปอดบวมเกือบตายเหมือนกัน ต่อมาเป็นไทฟอยด์ ตอนที่รักษาหาย จำได้ว่าแม่ต้องมาจับสองมือหัดให้เดิน พอมาเป็นนักเรียนแพทย์ก็เป็นรูมาติค ปวดข้อต้องกินยา เลยทำให้นึกเห็นใจคนไข้ว่า เขาป่วยแล้วไม่อยากให้เสียเงินมาก เลยทำอย่างนี้มาเรื่อย แล้วมันเคย อย่างคิดค่ายา 30 บาทจะมาคิด 50 บาทก็ทำไม่ได้ ก็ต้อง 30 บาทอยู่อย่างนี้”

"วันนี้ผมทำงานเหมือนปกติที่เคยทำมาตลอดชีวิต คือตั้งใจรักษาคนไข้ให้หาย ไม่มีอะไรที่ทำให้เราดีใจมากไปกว่านี้หรอกครับ ความสบายใจของคนเป็นหมอก็คือ ช่วยเหลือคนเจ็บป่วยให้หายได้"

ผู้ได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดิน ด้านสาธารณสุข (เป็นรางวัลคนดีศรีแผ่นดิน "น้ำใจงาม" จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถด้วย )


หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท กับวลีกาวใจ 'หมอกับคนไข้ไม่ใช่ศัตรูกัน'
วันที่ 31/07/2553 ข้อมูลจาก http://thairecent.com/LifeStyle/2010/690653/
 
ภายหลัง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 ร่างกฏหมายนี้มี 50 มาตรา โดยสาระสำคัญ มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อประเมินให้เงินชดเชยคนไข้ที่ได้รับความเสียหาย และผู้เสียหายมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น

และเงินชดเชยจากกองทุนตามร่างพ.ร.บ.นี้ โดยไม่พิสูจน์ความรับผิด คนไข้ต้องยื่นเรื่องภายใน 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี คนไข้สามารถฟ้องคดีอาญาได้ แม้จะได้รับเงินชดเชยแล้ว สถานพยาบาลทุกแห่งต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เพื่อเตรียมเงินไว้จ่ายชดเชย นอกจากนี้ผู้ฝ่าฝืนยังมีโทษทั้งจำและปรับ เป็นต้น ซึ่งผ่านมติครม.แล้ว กำลังรอเข้าพิจารณาในรัฐสภาสมัยหน้า

ส่งผลให้ความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ปะทุชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนนึกไม่ออกเลยว่า ระหว่างหมอที่เคยเป็นผู้ให้ กับคนไข้ที่เคยเหมือนญาติในครอบครัวมาถึงจุดแตกหักได้อย่างไร

ไทยรัฐ ออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับหมอใจดีขวัญใจมหาชนที่มีคนรัก (และเป็นหมอที่รักคนไข้) มากที่สุดคนหนึ่ง เจ้าของฉายาหมอ 5 บาท รศ.นพ.สภา ลิมพาณิชย์การ ที่เคยได้รับพระราชทานรางวัล น้ำใจงาม ด้านการสงเคราะห์และพัฒนาคุณภาพชีวิต ประจำปี พ.ศ.2547 จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นอกจากจะมาพูดถึงประเด็นร้อนแล้ว จะทำอย่างไรให้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเคยเป็นคนกันเองกลับมาเป็นเหมือนเดิม

Q : อาจารย์หมอติดตามข่าวสารเรื่องพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขบ้างไหม

A : ติดตามตลอดครับ เพราะว่าตอนนี้ผมไม่ค่อยสบาย อายุ 87 ปีแล้ว ร่างกายก็ไม่ดีเหมือนเดิม นี่ก็ยังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ไม่ได้ไปคลินิกนานแล้ว นี่ก็คือว่าถ้าดีขึ้น อีกหน่อยก็จะขับรถไป เพราะคนมาบอกว่ามีคนมาถามหาเยอะ

Q : อาจารย์หมอมองเห็นอะไรบ้างในหน้าสื่อเรื่องเกี่ยวกับพ.ร.บ.ตัวนี้

A : ในมุมของอาจารย์หมอ ผมเห็นว่ามีความขัดแย้งด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ถามว่าเห็นด้วยไหม มันก็มีทั้ง 2 มุม ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะมอง เพราะมันมีเหตุผลอธิบายได้เหมือนกัน

Q : คนที่ประท้วงไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.ตัวนี้ บอกว่า ถ้าพ.ร.บ.ออกมาจะเป็นการกดขี่หมอ ถึงขนาดแต่งดำ เผากระดาษประท้วง

A : ผมว่าก็ไม่เชิงอย่างนั้นนะ คือพูดกันความเป็นจริง ถ้าเผื่อหมอทำไม่ดีเอง หมอก็ต้องยอมรับผิด แต่ถ้าเผื่อเป็นอุบัติเหตุ หมอก็ต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ ชาวบ้านก็ต้องรับฟัง ไม่ใช่ใช้ความสุดโต่งด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

Q : หลายคนสังสัยว่า วันนี้หมอกับคนไข้ ซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นเสมือนญาติพี่น้องกันมาตลอดทั้ง 2 ฝ่าย เดินทางมาถึงจุดตอบโต้กัน ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันได้อย่างไร เห็นคุณหมอบอกว่าไม่เคยทะเลาะกับคนไข้เลยในชีวิตการทำงาน

A : ผมทำงานมาเกือบ 60 ปี ไม่เคยทะเลาะกับคนไข้เลย เพราะผมเห็นเขาเป็นเหมือนญาติ พี่-ป้า-น้า-อา ลูกๆ หลานๆ บางคนเรียกผมว่าพ่อบ้าง คุณหมอใจดีบ้าง เพราะพวกเขารู้สึกผูกพันกับเรา บางคนมารักษากับผมตั้งแต่เด็กๆ จนถึงวันนี้ก็โตมีลูก ก็เอามารักษากับเรา ปรัชญาในการทำงานของผมก็คือเราต้องดีกับเขา เวลาพวกเขาให้เกียรติมารักษากับเรา ผมจะไม่เลี้ยงไข้และจะไม่ปล่อยให้เขาหนัก ถ้าตรวจแล้วเห็นว่าเขาสมควรส่งโรงพยาบาล ก็ต้องรีบส่งเลย

Q : กำลังจะบอกว่าที่วันนี้ 2 ฝ่ายขัดแย้งกัน เพราะต่างฝ่ายก็คิดว่าจะเอาชนะจากอีกฝ่ายท่าเดียว ไม่มีใครอยากเสียเปรียบ

A : ใช่...เพราะวันนี้ความรู้สึกแบบคนในครอบครัวหายไป หมอคนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ความสัมพันธ์ของผมกับคนไข้ดีมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้งเดียว อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเราก็ต้องยอมรับว่า ข้อผิดพลาดของหมอมันเยอะ

Q : พอจะแนะนำวิธีการปรับจูนให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาเป็นคนกันเอง ถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนเดิมได้ไหม

A : มันอยู่ที่การติดต่อกับคนไข้ คือสำหรับผม ถ้าคุณเป็นหมอ ต้องมีใจเป็นธรรม ที่สำคัญเป็นหมอต้องใจดี ส่วนคนไข้ก็ต้องรู้ว่า ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรไป ต้องเข้าใจว่าหมอช่วยเต็มที่แล้ว หมอก็ต้องอธิบายว่าทำเต็มที่อย่างไร

Q : สภาพที่เกิดแบบวันนี้ กล่าวคือพร้อมจะแตกหัก คุณหมอคิดว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วเกิดขึ้นมาจากอะไร

A : ประมาณ 20-30 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าพอโลกมันเปลี่ยนไป โรงพยาบาลเอกชนก็เริ่มเกิดมากขึ้น ค่ารักษาเริ่มแพงมากขึ้น สังคมก็เริ่มเปลี่ยนไป เน้นทุนนิยมมากขึ้น แต่จริงๆ จะไปว่าเขารีดนาทาเร้นค่ารักษาก็ไม่ได้ เพราะว่ากว่าโรงพยาบาลเอกชนเกิด แต่ละแห่งมันต้องใช้เงินมโหฬาร ซึ่งจะให้เก็บค่ารักษาเหมือนกับโรงพยาบายรัฐ มันก็เจ๊ง ไหนจะเรื่องเขาจ้างเงินเดือนหมอ เริ่มต้นเดือนละ 1 แสน ผิดกับหมอรุ่นผมที่เริ่มต้น 1,400 บาทเท่านั้น (ปัจจุบันเกษียณและได้เดือนละ 24,000 บาทเท่านั้น)

แต่เดี๋ยวนี้หมอเงินเดือนสูงกันหมด แต่ผมไม่สนใจเงิน หรืออย่างคนไข้บางคน ก็เอาคนไข้มาขู่หมอโดยตั้งใจ คือแกล้งจะเอาเงิน บอกว่ารักษาผิด ทั้งที่เป็นความผิดหมอทั้งหมดก็มี ซึ่งเงินมีบทบาทเยอะ ทำให้ระยะห่างของหมอกับคนไข้เปลี่ยนไป และยิ่งหยั่งรากฝังลึก

Q : มีทางออกวิธีไหนที่พวกเขาจะทำความเข้าใจกันและกัน

A: ยากมากๆ ทางออกต้องเปิดอกคุยกัน อยู่ที่การพูดจาทุกๆ ฝ่าย ต้องไม่มองอีกฝ่ายว่าเป็นศัตรู ทุกวันนี้ผมไม่เคยมองคนไข้ว่าเป็นศัตรู ซึ่งคนไข้ก็ต้องเข้าใจว่าที่หมอเขาวินิจฉัยโรคผิดเยอะ เพราะว่าปัจจุบันโรคมันเยอะมากๆ หลายอย่างที่มันซับซ้อน คนไข้ก็ต้องเห็นใจหมอ หมอก็ต้องเต็มที่ ซึ่งหากผิดพลาดอะไรไปตรงไหนก็ต้องสื่อสารออกไปและหาทางเยียวยาพวกเขา ไม่ใช่อยู่เฉยๆ วันนี้ความรู้สึกของผมกับคนไข้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป คนไข้ก็ยังเป็นลูกเป็นหลาน เขาก็ยังนับถือผมเหมือนเดิม

สิ่งที่ผมอยากจะย้ำ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือหมอกับคนไข้ต้องนับถือและเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทั้ง 2 ฝ่ายต้องไม่มองว่ามันเป็นธุรกิจ ที่ผมทำงานตรงนี้ผมก็ขาดทุนทุกวันนะ แต่ผมคิดว่าผมทำเพื่อช่วยคนไข้ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สบาย ไม่สามารถไปรักษาเขาได้ เพราะยังใส่เครื่องหายใจอยู่เลย

Q : นิยามคนไข้ สำหรับอาจารย์หมอคืออะไร

A : พ่อ แม่ พี่ น้อง คือคนในครอบครัวที่มาจากหลายๆ ที่ แต่มาหาเราเพราะต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราก็ต้องช่วยเหลือเขาด้วยหัวใจ

Q : และนิยามสำหรับความเป็นหมอล่ะ

A : สำหรับตัวผมแล้วไม่มีครับ แต่ถ้าเป็นอาชีพนี้ ผมว่าน่าจะเป็น "ผู้ให้ส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน"

อย่างไรก็ดี แม้โลกทุนนิยมจะเข้ามาครอบงำสังคมไทยมากมายสักแค่ไหน และแม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยังขัดแย้งอันหนักสักเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งก็ยังเชื่อว่าหมอกับคนไข้ไม่ใช่ศัตรูกัน

หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท
หมอ 5 บาท
เที่ยวรัสเซีย ร่วมส่งเสริมคนดี สู่สังคมอินเตอร์เน็ต
น่าสนใจก่อนไปรัสเซีย
- พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช
- ค้นหาคำสาปแห่งราชวงศ์โรมานอฟ
- พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
- ราชวงค์โรมานอฟ
- จักรพรรดินี แคทเธอรีนที่ 2 มหาราช
- พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนรัสเซีย
- ความสัมพันธ์ไทย - รัสเซีย
อยากให้อ่าน
- กรุงมอสโก
- นครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก
- เมืองเขตโกล์เด้นริง
- รถไฟทรานส์ไซบีเรีย
- เมืองวลาดิเมียร์
- เมืองซากอร์ส
- ตุ๊กตาแม่ลูกดก
ชอบอ่านกันมาก
- สถาปัตยกรรมของรัสเซีย ที่เราควรรู้จัก
- ชิ้นส่วนอวัยวะเพศของรัสปูติน
- แฟเบร์เช่ (Faberge) งานศิลป์ สุดอลังการ
- รายพระนามสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งรัสเซีย
- จักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 มหาราช
- Trans-Siberian Railway
- วิหารภายในพระราชวังเครมลิน
เรื่องน่ารู้
- ว้อดก้ารัสเซีย
- เพชรรัสเซีย
- รัสเซียนออร์โทดอกซ์ ที่กรุงเทพฯ
- ดู RT TV online (eng)
- ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช
- เชชเนีย
- ชาวเกย์ที่รัสเซีย
มิตรภาพสองแผ่นดิน
- สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน
- พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จเยือนรัสเซีย
- เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนารถ
- พระพี่นางเสด็จเยือนรัสเซีย
- สมเด็จพระเทพ เสด็จเยือนรัสเซีย
- สมเด็จพระราชินี เสด็จเยือนรัสเซีย
- เจ้าฟ้าหญิงเสด็จเยือนรัสเซีย

เครือรัฐเอกราช 12 ประเทศ
รัสเซีย  russia Russia อาร์เมเนีย (Armenia) พศ. 2534 รัสเซีย  russia Russia อาร์เซอร์ไบจาน (Azerbaijan) พศ. 2536 รัสเซีย  russia Russia เบลารุส (Belarus) พศ. 2534
รัสเซีย  russia Russia จอร์เจีย (Georgia) พศ. 2536-2551 รัสเซีย  russia Russia คาซัคสถาน (Kazakhstan) พศ. 2534 รัสเซีย  russia Russia คีร์กิซสถาน (Kyrgyzstan) พศ. 2534
รัสเซีย  russia Russia มอลโดวา (Moldova) พศ. 2534 รัสเซีย  russia Russia รัสเซีย (Russia) พศ. 2534 รัสเซีย  russia Russia ทาจิกิสถาน (Tajikistan) พศ. 2534
รัสเซีย  russia Russia เติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) พศ. 2548 รัสเซีย  russia Russia ยูเครน (Ukraine) พศ. 2534 รัสเซีย  russia Russia อุซเบกิสถาน (Uzbekistan) พศ. 2534
   
รัสเซีย Russia
รับออก แบบเว็บไซต์ โลโก้ กล่อง  บรรจุภัณฑ์
9809/1 Anankanak Rd., Tambol Kalasin, Amphor Mueng, Kalasin 46000
www.artnana.com